วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

คุณมีระเบียบวินัยมากพอแล้วหรือ

สวัสดีอีกครั้งนะค่ะะะะะเพื่อนๆๆ 55555555 ช่วงนี้เจอกันบ่อยนิดหนึ่งโน๊ะ><
และก็อีกเหมือนเดิมค่ะ เราก็นำความรู้ดีๆมาให้เพื่อนๆกันอีกแล้ววววว เย้ๆ 
เพื่อนๆคงเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องความมีระเบียบวินัยของชาวญี่ปุ่นกันมาบ้างแล้วใช่ไหมค่ะ วันนี้เราจังมาเปรียบเทียบกับตัวของเราเองว่า ตัวเรานั้นมีระเบียบวินัยมากน้อยแค่ไหน และสำหรับคนที่คิดว่าตัวเองมีระเบียบวินัยอยู่มากอยู่แล้ว แต่ถ้าเทียบกับคนญี่ปุ่นนั้นเรามีระเบียบวินัยมากพอแล้วหรือยัง?  ไขข้อสงสัยนั้นกันเลยยยย
คุณมีวินัยมากน้อยแค่ไหน...มาดูระเบียบวินัยของคนญี่ปุ่นกัน
คนญี่ปุ่นเป็นชาติที่ชาวโลกให้การยอมรับว่า เป็นชาติที่รักษากฎระเบียบวินัยได้อย่างเข้มแข็ง โดยระเบียบวินัยพื้นฐานมีดังต่อไปนี้
1)วินัยในการจราจร
แม้ประเทศญี่ปุ่นจะมีคนสัญจรไปมาตามถนนจำนวนมาก แต่ก็จะมีป้ายบอกกฎระเบียบว่า คนต้องมาก่อน จักรยานและรถต้องมาทีหลังเขาจะคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก การใช้ชีวิตนอกบ้านแล้วต้องปลอดภัย ทุกคนจะรักษากฎระเบียบ รถทุกคันต้องหยุดให้คนไปก่อน การกระทำผิดฝ่าฝืนจะถูกลงโทษรุนแรง
http://pantip.com/topic/31434105
2)การเข้าแถว ทุกคนจะเข้าคิวเป็นระเบียบ ใครที่แซงคิวจะถูกประณาม การเข้าคิวขึ้นบันไดเลื่อน คนที่ไม่รีบจะชิดซ้าย คนที่รีบจะเดินไปทางขวามือ คนญี่ปุ่นจะเดินเร็ว ราวกับวิ่ง แต่ก็จะเดินอย่างตั้งใจ เดินอย่างพร้อมเพียง ดังนั้น คนที่เดินช้าก็จะต้องรู้ว่าที่ของตนอยู่ที่ไหน
http://travel.mthai.com/travel_tips/84815.html
3)การโดยสารรถไฟฟ้า ก็ต้องมีระเบียบ ใครจะหลับ จะเล่นเกมก็ได้ แต่ห้ามโทรศัพท์เด็ดขาด
http://www.vcharkarn.com/vcafe/218034
4)ระเบียบการขี่จักรยาน
ประเทศญี่ปุ่นเขาจะทำทางให้ขี่จักรยานได้ทุกหนทุกแห่ง ทางจะถูกออกแบบให้เรียบเสมอกัน ห้ามนำจักรยานไปขี่ในท้องถนนเด็ดขาด จะมีเส้นทางเฉพาะสำหรับเฉพาะจักรยาน ซึ่งก็จะรวมอยู่เส้นทางคนเดินเท้าเขาจัดที่จอดจักรยานหยอดเหรียญ 100 เยน (40 บาท) จอดได้ 24 ชั่วโมง ปลอดภัยไม่มีหาย
http://www.marumura.com/culture/?id=3090
4)ระเบียบเกี่ยวกับรถยนต์
@ การจอดรถยนต์ ให้จอดรถในพื้นที่กรอบเส้นขาวที่จัดไว้ โดยหยอดเหรียญ 200 เยน จอดได้ 40 นาที ไม่สามารถหยอดเงินเพิ่มได้ ค่าปรับในการจอดรถในที่ห้ามจอด เท่ากับ 50,000 เยน (20,000 บาท)
@ ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับขี่รถเด็ดขาด กฎหมายจะเข้มงวดมาก ไม่มีใครฝ่าฝืน เพราะเขาคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก
@ รถทุกคันจะหยุดก่อนถึงเส้นขาวที่ตีไว้ ไฟเหลืองจะเปลี่ยนเป็นไฟแดงอย่างเร็ว การฝ่าสัญญาณไฟแดงจะผิดกฎหมายอย่างแรง
@ รถทางโทจะให้รถทางเอกไปก่อน โดยจะมีการกระพริบสัญญาณไฟและขอบคุณกัน

http://social.tnews.co.th/content/119686/

5)การคัดแยกขยะ จะแยกขยะออกเป็นหนังสือพิมพ์ ขวด กระป๋อง ขวดพลาสติก แต่ละบ้านต้องแยกขยะเปียก ขยะแห้ง พนักงานจะมาเก็บขยะแต่ละประเภทตามวันที่กำหนด เช่น วันพฤหัสบดี จะมาเก็บขวด วันเสาร์จะมาเก็บกระดาษ
http://www.dmc.tv/pages/top_of_week/
6)การเลี้ยงสุนัข ก็จะมีระเบียบเข้มงวดเช่นกัน จะต้องมีสายจูง สวมปลอกคอ และลงทะเบียน ผู้เลี้ยงที่จูงสุนัขออกนออกบ้านจะต้องเช็ดและเก็บอุจจาระสุนัขที่ถ่ายทุกครั้ง
http://www.clipmass.com/story/33737
แล้วคุณล่ะมีวินัยมากน้อยแค่ไหน...
@การเดินข้ามสะพานลอยเรายังไม่รู้เลยว่าชิดด้านไหน
@บันไดเลื่อนหรือ ยืนตรงกลางบันได เพราะปกติก็ใหญ่คับซอยอยู่แล้ว
@การเดินถนนก็เรียงหน้ากระดานประจำอยู่แล้ว
@ขับรถฝ่าไฟแดงนะหรือ ก็เห็นไม่มีรถ ไม่มีคน ก็รีบไปนี่ เลยฝ่าไฟแดง อีกหลายเรื่อง ที่เราเห็นอยู่ จนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

จากการเปรียบเทียบนี้ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนไทยนั้นค่อนข้างที่จะขาดระเบียบวินัยมาก ไม่เคารพกฏจราจร และเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง จึงทำให้มีอุบัติเหตุทางรถยนต์เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ถ้าหากเรารอเปลี่ยนพฤติกรรมนี้ดู เราก็อาจเป็นประเทศที่มีระเบียบวินัยและน่าอยู่ไม่แพ้ประเทศญี่ปุ่นเลย

วันนี้ก็ขอตัวลาไปก่อนนะค่ะ เพื่อนๆคนไหนที่ยังมีพฤติกรรมแบบนี้อยู่ก็ลองเปลี่ยนนิสัยกันดูนะค่ะ เพื่อสังคมที่น่าอยู่ของเรานั้นเองค่ะ บ๊ะบายยยยยย ><



แหล่งข้อมูลจาก
http://www.oknation.net/blog/Smartlearning/2012/08/19/entry-1






10สถานที่ท่องเที่ยวสุดcoolในประเทศอเมริกา

สวัสดี สวีดัสจ่ะเพื่อนๆชาวบล็อกทั้งหลายยยย 
ถ้าจะพูดถึงประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ดี การท่องเที่ยวซึ่งเป็นที่นิยม มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอยู่ทั่วทั้งประเทศ ก็คงจะไม่พูดถึงประเทศอเมริกาไม่ได้อย่างแน่นอน ซึ่งสถานที่ต่างๆนั้นก็เป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาเยื่อนกันแล้วทั้งนั้น และสำหรับใครที่วางแพลนเอาไว้ว่าจะไปเที่ยวอเมริกาแต่ยังไม่รู้ว่าจะไปเมืองไหนดี วันนี้เราก็จะมาแนะนำ 10 สถานที่ท่องเที่ยวในอเมริกาที่เพื่อนๆเห็นแล้วจะร้อง WOWWWWWW><  (ตื่นเต้นนนน)

อันดับ 10 หลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้ (Louisville, Kentucky)


เมืองนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นพอร์ตแลนด์ (Portland) แห่งใหม่ เพราะมีชื่อเสียงเรื่องสนามกีฬาต่างๆ เช่น สนามแข่งม้าเคนตักกี้เดอร์บี้ (Kentucky Derby) ร้านอาหารหลากหลาย ตลอดจนโรงกลั่นเหล้าชื่อดัง (Urban Bourbon Trail) คุณรู้หรือไม่ว่า 95% ของเหล้าชั้นดีในโลกผลิตที่เคนตักกี้ ทัวร์นักชิมถือเป็นที่นิยมของนักเดินทางที่มาเยือนเมืองนี้
http://www.lscinterstudy.com/study-in-america-Kentucky.html
อันดับ 9 ลาสเวกัส รัฐเนวาดา (Las Vegas, Nevada)
เมืองคาสิโนดังของโลก ที่มีดีอย่างอื่นนอกจากเรื่องคาสิโนรีสอร์ท เช่น การไปชมปลาฉลาม ณ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมันดาเลย์ (Mandalay Bay Shark reef) หรือจะไปเล่นกีฬาปีนหน้าผาหินแดงเรดร็อค (Red Rock Canyon) รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ป้ายไฟนีออนมิวเซียม (Neon Museum) ที่น่าสนใจทีเดียว

หน้าผาหินแดงเรดร็อค (Red Rock Canyon)
อันดับ 8 ออร์ลันโด รัฐฟลอริดา (Orlando, Florida)
เมือง นี้ติดอันดับเมืองยอดนิยมอันดับต้นๆ มาถึงสองปีซ้อน เพราะค่าใช้จ่ายไม่แพง ความบันเทิงครบครัน ทั้งสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ (Disneyland Theme Park) สวนสัตว์น้ำซีเวิลด์ (Sea World) ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ (Universal Studio) สปาชั้นเลิศ เมืองโบราณ และร้านอาหารชั้นนำ เรียกได้ว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวสุขสันต์ของครอบครัว]
http://pedia.kidmak.com/article-1499.html
อันดับ 7 แฟร์แบงค์รัฐอลาสก้า (Fairbank, Alaska)
เป็นแหล่งชมแสงเหนือออโรรา (Northern Light  Aurora) ที่ชัดเจนอีกแห่งของโลก ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cycle) ที่เชื่อกันว่าจะทำให้แสงเหนือนี้สวยงามวิจิตรกว่าปกติมาก รวมไปถึงธารน้ำแข็งกลาเซียร์ (Glacier) ที่เชื่อว่าจะละลายหมดภายในไม่กี่ปีข้างหน้า เพราะอุณหภูมิของโลกที่ร้อนขึ้น หากนิยมท่องเที่ยวแนววิทยาศาสตร์ ไม่ควรพลาดการไปเยือนแฟร์แบงค์
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yyswim&month=22-07-2011&group=21&gblog=238
 อันดับ 6 ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย (San Francisco, California)
ถ่ายรูปคู่กับสะพานโกลเดนเกต (Golden Gate Bridge) กลางทะเลหมอกจากยอดเขา เดินทอดน่องในเขตโนอิวัลเลย์ (Noe Valley)  ชิมซุปหอยข้น (Clam Chowder) ขณะชมสิงโตทะเลผึ่งแดด ณ ท่าเรือ 39 ขึ้นรถรางเก่าชมเมือง หรือจะเข้าร่วมเทศกาลบิ๊กวิลล์ (Bring Your Own Big Wheel Race) ณ ถนนที่คดเคี้ยวที่สุด ซาน ฟรานซิสโกไม่เคยทำให้คุณผิดหวังสักครั้งที่ไปเยือน
http://hathairat2011.blogspot.com/2015/05/blog-post_55.html
เทศกาลบิ๊กวิลล์
http://sf.funcheap.com/bring-big-wheel-race/

อันดับ 5 โฮโนลูลู รัฐฮาวาย (Honolulu, Hawaii)
ไม่ต้องอธิบายกันมาก กับบรรยากาศสวมเสื้อฮาวายจิบค็อกเทลริมหาดไวกิกิอันโด่งดัง ผืนทรายขาวละเอียดนุ่มเท้า น้ำทะเลใสกิ๊ก ทั้งยังเป็นแหล่งโต้คลื่นในฝันของนักเล่นกระดานโต้คลื่นทุกรุ่น หากอยากเปลี่ยนบรรยากาศในบางวัน พิพิธภัณฑ์งานศิลปะ และพระราชวังเก่าอิโอลานิ (Iolani Palace) ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าไปเยือนไม่น้อย

http://www.thaifly.com/index.php?route=news/news&news_id=1105

อันดับ 4 อุทยานแห่งชาติคาร์ลสเบดคาร์เวิร์น รัฐนิวเม็กซิโก (Carlsbad Caverns National Park, New Mexico)
อุทยานหินงอกหินย้อยอายุกว่าสองล้านปีอันลือชื่อติดอันดับโลก สำหรับนักผจญภัยรุ่นเยาว์และรุ่นใหญ่ และยังเป็นถ้ำค้างคาวมหึมา หากฝันอยากลอดถ้ำใต้แผ่นดิน เช่น อินเดียน่า โจนส์  การมาเยือนอุทยานประวัติศาตร์นี้ จะเป็นคำตอบของการเดินทางของคุณอย่างแน่นอน
http://travel.thaiza.com/
อันดับ 3 อเมริกันซามัว (American Samoa)
เกาะในเขตตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทรแปซิฟิคแห่งนี้ อาจไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันมากนัก แต่กำลังเป็นสวรรค์การท่องเที่ยวทางทะเลแห่งใหม่ของชาวอเมริกัน เพราะธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ หากคุณรักกิจกรรมทางน้ำและเดินป่า ชื่นชมวัฒนธรรมชาวเกาะ เชื่อขนมกินได้ว่า ทุกบาททุกสตางค์ของค่าใช้จ่ายการเดินทาง จะคุ้มค่ากับทริปเกาะในฝันแห่งนี้แน่นอน

อันดับ 2 มหานครนิวยอร์ก (New York City)
นิวยอร์กมีทุกอย่างที่คุณสรรหาตั้งแต่สวนสาธารณะขนาดใหญ่กลางเมือง เช่น เซ็นทรัลพาร์ค (Central Park) พิพิธภัณฑ์และอาร์ตแกลอรี่ชั้นดี ร้านอาหารนานาชาติ แหล่งช็อปปิ้งชั้นนำ ตั้งแต่แบบหรูระยับบนถนนสายที่ 5 (The 5th Avenue) จนไปถึงตลาดนัดแนวโบฮีเมียน (Bohemian) ในเขตเวสต์วิลเลจ (West Village) เคยมีคนกล่าวไว้ว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะเที่ยวนิวยอร์กได้ทั่วในทริปเดียว
https://en.wikipedia.org/wiki/Central_Park
อันดับ 1 แกรนด์แคนยอน รัฐแอริโซนา (Grand Canyon, Arizona)
จุดหมายแห่งนี้สมควรขึ้นชื่อว่าครั้งหนึ่งในชีวิตที่ควรไปเยือน เพราะมิได้เป็นแค่ทัวร์ล่องแก่งอะดรีนาลีนฉีดพุ่งพล่าน แต่ยังมีรีสอร์ท-สปาระดับโลก สนามกอล์ฟไฮคลาส  อาร์ตแกลอรี่ และภัตตาคารชั้นนำไว้เอาใจนักท่องเที่ยวไฮโซเช่นกัน
http://www.google.co.th/imgres?imgurl=http://asean-focus.com/

ตะลึง! ตะลึง! ตะลึง!! OMG 
ถึงกับอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว สุดยอดไปเลยใช่ไหมละค่ะกับสถานที่ท่องเที่ยวสุดcoolนี้ นี่ขนาดแค่เห็นในภาพนะเนี้ย ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเพื่อนๆได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆจะตะลึงในความงดงามนี้ขนาดไหนกัน พูดแล้วก็นะ มันสวยมากจริงๆนั้นแหละ>< 555555555

วันนี้เราก็ขอตัวลาไปก่อนนะค่ะ และเราก็หวังว่าเพื่อนๆจะชอบบล็อกนี้ที่เราทำนะ ไปละ บ๊ะบายยยย #จุ๊บ




แหล่งที่มา
http://www.skyscanner.co.th/news/10-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2556-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94

อยากเก่งภาษาญี่ปุ่นง่ายนิดเดียว

สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวบล็อกทุกคนนน
กลับมาพบกันอีกแล้วนะค่ะ วันนี้เราก็นำความรู้เรื่องใหม่มาบอกเพื่อนๆกันเหมือนเคย เพื่อนๆหลายคนคงเคยดูการ์ตูนอนิเมะหรือการ์ตูนญี่ปุ่นกันมาแล้ว และคงเคยมีความคิดกันว่าอยากจะพูดภาษาญี่ปุ่นให้ได้บ้าง วันนี้เราจึงขอเสนอ 10 วิธีที่จะช่วยให้คุณเก่งภาษาญี่ปุ่นอย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ

1. ตั้งเป้าหมายในการเรียน


2. เรียนรู้เกี่ยวกับการเรียนภาษาญี่ปุ่น แนะนำ AJATT เว็บไซต์เบื้องต้นที่จะช่วยได้มากในตอนแรก

3. เริ่มต้นฟังภาษาญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นเพลงญี่ปุ่น แอนิเมะ ซีรี่ย์ หรืออะไรก็ได้ เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับภาษาให้ได้มากที่สุด

4. เริ่มต้นด้วยการเรียนรู้ตัวอักษร คาตาคานะ และ ฮิรางานะ




5. อย่าคิดที่จะเรียนตัวอักษรโรมันจิซึ่งอักษรที่ใช้เทียบเสียงของภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาญี่ปุ่น

6. หลังจากได้ คาตาคานะ และ ฮิรางานะ ก็ได้เวลาเริ่มต้นเรียน คันจิ

7. หาเพื่อนคนญีปุ่น เพื่อที่จะได้ช่วยในการเรียนภาษาญี่ปุ่นของเราเอง

8. หาหนังสือดีๆสักเล่ม อาจจะเป็นหนังสือ มินนะ โนะนิฮงโกะที่เพื่อนๆหลายคนแนะนำก็ได้ มีอยู่ 4 เล่มด้วยกัน

โดยหนังสือชุดนี้มีทั้งหมด 4 เล่ม ในแต่ละเล่มจะมีแบบฝึกหัดและ CD มาให้ฝึกฟังกันด้วยค่ะเนื้อหาในหนังสือเป็นภาษาไทย โดยจะเน้นหลักไวยากรณ์, คำศัพท์และการใช้ภาษาในโอกาสต่างๆ

9. เรียนรู้คำศัพท์ให้ได้มากที่สุด

10. เรียนรู้อย่างระมัดระวังและมีความตั้งใจ คือสิ่งที่สำคัญที่สุดค่ะ

และนี่ก็แค่เพียงเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆเพื่อนช่วยให้ทุกคนที่มีความต้องการที่อยากจะจะเก่งภาษาญี่ปุ่นได้ลองใช้ดู แต่สิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือความใส่ใจและความมุ่งมั่นที่อยากจะเรียนค่ะ
ดังนั้นเราก็ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาญี่ปุ่นกันทุกคนนะจร้าาาา><


ขอขอบคุณที่มากจาก
http://teen.mthai.com/education/84231.html
http://tuskjang.blogspot.com/2013/10/blog-post_3340.html




วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การศึกษาของประเทศบรูไน

การศึกษาในประเทศบรูไน

ประเทศบรูไนเป็นประเทศที่นอกจากจะมีเศรษฐกิจที่ดีมากแล้ว ยังเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีการศึกษาที่ดีเยี่ยม ดังนั้นวันนี้ดิฉันจะมาพูดถึงลักษณะของการศึกษาของประเทศบรูไนกันค่ะ
ระบบการศึกษา
         ประเทศบรูไนดารุสซาลามไม่มีการศึกษาภาคบังคับ แต่การศึกษาเป็นสากล และจัดให้ฟรีสำหรับประชาชนทั่วไป การศึกษาแบ่งออกเป็นระดับก่อนประถมศึกษา 1 ปี ระดับประถมศึกษา 6 ปี ระดับมัธยมศึกษา 7-8 ปี ซึ่งแบ่งเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 3 ปี ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 2-3 ปี และระดับเตรียมอุดมศึกษา 2 ปี และระดับมหาวิทยาลัย 3-4 ปี
         •  ระดับก่อนประถมศึกษา
            
เด็กทุกคนต้องเข้าศึกษาในระดับก่อนประถมศึกษา 1 ปี เมื่ออายุ 5 ปี หลังจากนั้นจึงเข้าศึกษาในระดับประถมศึกษา
         •  ระดับประถมศึกษา
           
  การศึกษาระดับประถมศึกษาแบ่งออกเป็นสองระดับคือ ระดับประถมต้น 3 ปี และประถมปลาย 2-3 ปี หลังจากจบการศึกษาระดับประถมศึกษา 6 ปี นักเรียนจะต้องเข้ารับการทดสอบข้อสอบกลาง (PCE : Primary Certificate of Examination) ซึ่งการศึกษาในระดับนี้มีจุดประสงค์เพื่อปูพื้นฐานด้านการเขียน การอ่าน และการคำนวณให้แก่นักเรียน เพื่อจะได้นำความรู้เหล่านี้ไปใช้ในการพัฒนาตนเอง 
         
         •  ระดับมัธยมศึกษา
             การศึกษาระดับมัธยมศึกษารวมใช้เวลา 7-8 ปี (มัธยมศึกษา 1-5 และ เตรียมอุดมศึกษา 2 ปี)
      
         - ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
                ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นมีระยะเวลา 3 ปี หลังมัธยมศึกษาตอนต้นแล้ว นักเรียนจะต้องทดสอบ BJCE (Brunei Junior Certificate of Education) จึงสามารถเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเลือกเรียนวิชาด้านช่าง และเทคนิคพื้นฐานที่สถาบันการศึกษาทางเทคนิคและอาชีวศึกษา
                - ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
                มีระยะเวลา 2-3 ปี นักเรียนจะเลือกเรียนสายศิลป์ สายวิทย์ หรือสายอาชีพ ตามแต่ผลการสอบ BJCE หลักจากเรียนจบระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว (ระดับ 5) เด็กต้องสอบข้อสอบ Brunei-Cambridge General Certificate of Education : BCGCE “O”  level หรือสำเร็จการศึกษาระดับ 6 เด็กต้องสอบข้อสอบ Brunei-Cambridge General Certificate of Education : BCGCE “A” level แล้วจึงจะมีสิทธิ์เรียนต่อระดับเตรียมอุดมศึกษา
                 - ระดับเตรียมอุดมศึกษา มีระยะเวลา 2 ปี

         •  ระดับปริญญาตรี
             การศึกษาระดับปริญญาตรีจะจัดให้กับเด็กที่มีผลการศึกษาดี มีศักยภาพในการศึกษาต่อได้ หรือศึกษาในสาขาที่เป็นความต้องการของประเทศ ซึ่งมีทั้งมหาวิทยาลัย สถาบันอาชีวะ และเทคนิคต่าง ๆ วิทยาลัยต่าง ๆ
         โรงเรียนเอกชน (Non-Government Schools)         โรงเรียนเอกชนมีบทบาทในการช่วยแบ่งเบาภาระการจัดการศึกษาของรัฐบาล โดยโรงเรียนเอกชนที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงศึกษาธิการมี 5 ประเภท ได้แก่ โรงเรียนภาคบังคับตามปกติ (ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมัธยมศึกษา) โรงเรียนกวดวิชา โรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์ โรงเรียนสอนดนตรี โรงเรียนสอนตัดเสื้อ
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000141425
   การศึกษา และการฝึกหัดด้านอาชีวะและเทคนิค
        
กรมการศึกษาด้านเทคนิค (Department of Technical Education – DTE) เป็นผู้รับผิดชอบดูแลการจัดการศึกษา และการฝึกหัดด้านอาชีวะและเทคนิค (Technical and Vocational Education and Training) และโปรแกรมเกี่ยวกับการศึกษาต่อ (Continuing Education-CE)
         ระบบการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2528 กำหนดให้ใช้ภาษาอังกฤษ และภาษามาเลย์ในการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงประถมศึกษาปีที่ 3 ครูจะสอนทุกวิชาด้วยภาษามาเลย์ ยกเว้นวิชาภาษาอังกฤษซึ่งใช้ภาษาอังกฤษในการสอน สำหรับระดับประถมศึกษาปีที่ 4 ขึ้นไป โรงเรียนจะใช้ทั้งภาษามาเลย์ และภาษาอังกฤษในการสอน โดยภาษามาเลย์ใช้สำหรับสอนวิชาเกี่ยวกับมาเลย์ ความรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม พลศึกษา ศิลปะและการช่าง และวิชาหน้าที่พลเมือง ส่วนภาษาอังกฤษใช้ในการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และภาษาอังกฤษ เป็นต้น
         นโยบายการศึกษา- จัดระบบการศึกษาของชาติโดยเน้นความสำคัญของภาษามาเลย์ในฐานะที่เป็นภาษาประจำชาติที่เป็นทางการ และใช้ภาษาอื่นๆ ในการสอน เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาอาหรับ
- จัดให้มีการศึกษา 12 ปี แก่นักเรียนทุกคน
- จัดหลักสูตรแบบบูรณาการซึ่งเหมาะสม และสอดคล้องกับข้อสอบของแต่ละระดับการศึกษา
- จัดให้มีการสอนอิสลามศึกษาไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียน
- จัดให้มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการสอนวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีทางการสื่อสาร เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ และมีทักษะที่สำคัญและจำเป็นสำหรับโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
- จัดกิจกรรมหลักสูตรแกน (เน้นวิชาบังคับ) ที่สอดคล้องกับปรัชญาการศึกษาแห่งชาติไว้ในโปรแกรมการพัฒนาตนเอง
- เปิดโอกาสทางการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้แก่ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และมีประสบการณ์ และมีความต้องการที่จะเรียนต่อในระดับดังกล่าว
- จัดเตรียมอุปกรณ์ และโครงสร้างพื้นฐานทางการศึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการของชาติ
- พัฒนาขีดความสามารถด้านสติปัญญา จิตใจ อารมณ์ สังคม และร่างกายของแต่ละบุคคล เพื่อเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับพัฒ
นาสังคม

ะเห็นได้ว่าประเทศบรูไนเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการศึกษามาก โดยมีนโยบายทางการศึกษาด้านต่างๆมากมาย รวมทั้งใช้ภาษามาเลย์เป็นภาษาประจำชาติแต่ก็ไม่ลืมที่จะจัดหลักสูตรการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษเพื่อความเป็นสากลมากขึ้นอีกด้วย
 และดิฉันก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะได้รับความรู้จากบล็อกนี้ไม่มากก็น้อยค่ะ 
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ ^^



ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.bic.moe.go.th/th/index.php?option=com_content&view=article&id=621&catid=61